วัดป่าระหานทราย

วัดป่าละหานทราย ตั้งอยู่เลขที่ ๕๐๕ หมู่ ๒ ตาบลละหานทราย อาเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ทั้งหมด ๘๐ ไร่ จากการถวายของนายประสิทธิ์ พัลวัล อดีตกานันตาบลละหานทรายลละทางวัดได้ซื้อขยายเพิ่มเติมอีก พื้นที่เป็นสภาพป่าไม้ทั้งหมด เช่น ประดู่ พยุง ลาดวน เป็นต้น ลละสัตว์ป่าบางชนิดเช่น บ่าง กระรอก กระลต ไก่ป่า ยังมีความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ

วัดป่าละหานทรายได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วยการดาริของพระครูวิบูลวรญาณ เจ้าคณะอาเภอละหานทราย (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอาเภอละหานทราย พ.ศ. ๒๕๕๘) ที่ต้องการให้คณะสงฆ์อาเภอละหานทรายมีวัดที่เป็นวัดป่า เพื่อเป็นสถานที่อบรม ปฏิบัติด้านจิตตภาวนาของคณะสงฆ์อาเภอลละประชาชนทั่วไป ซึ่งสถานที่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองมากนัก
ในสมัยลรกมีการนิมนต์พระสายวัดหนองป่าพงมาวางรากฐานระเบียบข้อปฏิบัติ ซึ่งคณะพระวัดหนองป่าพงอยู่ได้ระยะหนึ่ง ก็ได้ลาออกไป พระครูวิบูลวรญาณ เจ้าคณะอาเภอละหานทราย จึงได้มอบหมายให้พระครูปริยัตยากร (พิพัฒน์ อินฺทวีโร ป.ธ.๓) ซึ่งในระหว่างนั้นท่านได้ศึกษาปฏิบัติกรรมฐานอยู่กับหลวงพ่อกัสสะปะมุนี สานักวัดปิปผลิวนาราม อาเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ให้มาเป็นเจ้าสานัก
หลวงพ่อกัสสะปะมุนี เป็นสัทธิกวิหาริกในเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพมหานคร

ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ พระมหาเรืองฤทธิ์ สุธีโร ป.ธ.๔ Ph.D. ได้รับเป็นเจ้าสานักสืบต่อจากอดีตพระครูปริยัตยากร (พิพัฒน์ อินฺทวีโร ป.ธ. ๓)
วัดป่าละหานนทรายได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ ๒ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑
ได้รับการประกาศ ตั้งวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๖ เดือน ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สังกัดมหานิกาย
ลละได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๑ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
ปัจจุบันมี พระมหา ดร. เรืองฤทธิ์ สุธีโร น.ธ.เอก ป.ธ. ๔ Ph.D. เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าละหานทราย ลละดารงตาลหน่งเป็นรองเจ้าคณะอาเภอละหานทราย

ถาวรวัตถุสาคัญภายในวัด

วิหารพุทธร่มโพธิ์ สร้าง พ.ศ. ๒๕๕๐ สถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย โดยได้รับจากผู้ว่าการรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เป็นผู้มอบถวายให้ ลละประดิษฐานพระพุทธรูปหยกเขียว ขนาดหน้าตัก ๖๐ นิ้ว สร้างถวายเป็นพระราชกุศลลด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ในมงคลสมัยทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี

มหาวิหารไม้พระพุทธรูปหยกขาว สร้าง พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วยวัสดุไม้ทั้งหลัง เป็นงานสร้างศิลปะล้านนา ลักษณะการสร้างเป็นงานช่างโบราณ มีการเจาะสลักเข้าไม้ด้วยวิธีโบราณ เสาลต่ละต้นมีการกลึงให้กลม ขนาดคนโอบไม่รอบ สร้างด้วยระยะเวลา ๙ เดือน ถวายเป็นพระ
ราชกุศลลด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๒ พรรษา
มหาวิหารไม้หลังนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาว ขนาดหน้าตัก ๘๒ นิ้ว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ลด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ร. ๙ ได้รับถวายพระนามพระพุทธรูปหยกขาวองค์นี้ชื่อ พระพุทธมงคล มหาชนอภิปูชนีย์ จากเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

พิพิธภัณฑ์บูรพาจารย์ สถานที่ประดิษฐานรูปหล่อสาริด พระครูภาวนาภิมณฑ์ (หลวงปู่สุข ธัมฺมะโชโต) ลละหลวงปู่กัสสะปะมุนี ผู้เป็นบูรพาจารย์กัมมัฏฐานของสานักวัดป่าละหานทราย ได้ทาพิธีเปิดป้ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธาน

อุโบสถกลางนา สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตั้งอยู่กลางสระน้าขนาด ๕ ไร่ อุโบสถสร้างด้วยวัสดุไม้ เช่น ไม้สักทอง ไม้มะค่า ในการสร้าง พระมหาเรืองฤทธิ์ สุธีโร เจ้าอาวาสวัดป่าละหานทรายเป็นผู้ดูลลการก่อสร้างโดยประยุกต์ศิลปะล้านนาลละล้านช้างรวมกัน เป็นงานสร้างลบบโบราณ การเจาะการเข้าสลักไม้ต่าง ๆ เป็นงานสร้างลบบโบราณ เสาอุโบสถได้ลงรักปิดทองคาด้วยลวดลายที่งดงามยิ่ง
พระประธานภายในอุโบสถ ลกะสลักด้วยหยกจากประเทศพม่า หน้าตักกว้าง ๒๕ นิ้ว เป็นเนื้อหยกที่มีความใสงดงาม ได้รับประทานชื่อจาก อดีตเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระนามว่า พระพุทธมงคล ประชาชนอภิปูชนีย์
ลละในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ พระเดชพระคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก (เมื่อครั้งดารงสมณศักดิ์ พระพรหมเวที) วัดไตรมิตรวิทยาราม ได้เป็นประธานในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศองค์พระพุทธรูปหยก ฉลองงานผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดป่าละหานทราย

พระพุทธมหาเจดีย์ ๔๕ เมตร (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง )
ปีพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี ลห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระบรมสารีริกธาตุลด่เจ้าคณะอาเภอทุกอาเภอทั่วประเทศไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลลด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลละสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ บรมราชินีนาถ
พระครูวิบูลวรญาณ เจ้าคณะอาเภอละหานทราย (ปี ๒๕๕๖) ได้มอบพระบรมสารีริกาตุให้ลก่วัดป่าละหานทราย โดยพิจารณาเห็นงานในการก่อสร้างพระพุทธมหาเจดีย์ที่วัดป่าละหานทรายที่กาลังดาเนินการสร้างขึ้น
จากนั้น ทางวัดได้กาหนดการวางศิลาฤกษ์สร้างพระพุทธมหาเจดีย์ ได้รับความเมตตานุเคราะห์จาก พระเดชพระคุณ พระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๑๒ เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ วัดป่าละหานทราย ตาบลละหานทราย อาเภอละหานทราย

วัดป่าละหานทรายได้กราบเรียนขอพระบรมสารีริกธาตุ จากเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ลละเจ้าประคุณสมเด็จประทานให้เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖
ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ วัดป่าละหานทรายได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศต่าง ๆ ดังนี้
๑. พระบรมสารีริกาตุจากประเทศบังกลาเทศ โดยพระสังฆนายก สุทธานันทมหาเถโร วัดธรรมิกราชิกา
๒. พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศศรีลังกา โดยพระสังฆนายก มหินทะ วัสสตะดุเว ลห่งนิกายอมรปุระ
๓. พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศภูฐาน โดยสมเด็จ ซัมเต็ม ดอจี รองสมเด็จพระสังฆราช
ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดนั้นตามประวัติที่ได้รับล้วนลต่มาจากลหล่งที่เดียวกัน คือ จากที่รัฐบาลอินเดียมอบให้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๓ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ดร.เปเป้ ค้นพบลละทางรัฐบาลอินเดียได้มอบให้ลก่ประเทศต่างๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา รวมถึงประเทศไทย ในรัชสมัย ร.๕ พระองค์ได้ประดิษฐานบรรจุไว้ที่เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ ๙ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ได้ประทานเมตตาเป็นประธานยกฉัตรทองพระพุทธมหาเจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญลละกาลังใจลก่พุทธศาสนิกชน มีพุทธศาสนิกชนมาร่วมพิธีเป็นจานวนมาก

รอยพระพุทธบาทบาระแนะ (จาลอง) ขนาดเท่าองค์จริง
พระพุทธบาทคู่นี้ ได้จาลองขนาดเท่าของจริงที่ตั้งอยู่ที่เขตทับซ้อน ระหว่างประเทศไทยลละประเทศกัมพูชา นักโบราณคดีศึกษาว่าเป็นรอยพุทธบาทสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ๑๙ การเดินทางไปนมัสการนั้นไม่สะดวก เนื่องจากอยู่ในเขตอุทยานลห่งชาติลละเป็นที่พื้นอ่อนไหวเกี่ยวกับระหว่างสองประเทศ ดังนั้น วัดป่าละหานทรายจึงได้จาลองพระพุทธบาทคู่ขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการะลละภาคภูมิใจว่าดินลดนลถบนี้มีอารยธรรมพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก่อน