กู่สันตรัตน์

สร้างด้วยศิลาแลงเป็นศิลปะขอมแบบ บายน มีรูปลักษณะปราสาทหินที่มีปรางค์ประธานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัตมีมุขด้านหน้ายื่นไปทางทิศตะวันออก  มีบรรณาลัยซึ่งเป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนาตั้งอยู่ทางทิศตะวันนออกเฉียงใต้หันหน้าเข้าหาปรางค์ประธาน อาคารทั้ง 2 ล้อมด้วยกำแพงศิลาแลงซึ่งสร้างยังไม่เสร็จเรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง กู่สันตรัตน์สร้างขึ้นมาด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อประดิษฐานรูปเคารพสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นอโรคยาศาล คือเป็นที่พักรักษาพยาบาลคนเจ็บป่วยอีกด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเคยเสด็จทอดพระเนตร และทรงเยี่ยมราษฎรที่กู่สันตรัตน์แห่งนี้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2514

ตั้งอยู่ที่ตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาดูน  ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 4 กิโลเมตร อำเภอวาปีปทุม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2045 ถึงอำเภอนาดูน ทางลาดยางตลอด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 65 กิโลเมตร

กู่สันตรัตน์เป็นโบราณสถานที่มีลักษณะแบบขอม เป็นสถานที่ ที่เรียกว่าอโรคยาศาล หรือโรงพยาบาล ตั้งอยู่ที่ตำบล กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาดูน มาทางทิศตะวันออก เฉียงเหนือ ประมาณ 4 กิโลเมตร กู่สันตรัตน์มีลักษณะเป็นปราสาทแบบย่อมๆ ตั้งอยู่บนฐานชั้นเดียวสร้างด้วยศิลาแลง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีกำแพงล้อมลอบในกรอบ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทางด้านหน้าปราสาททางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมี สระสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 12 เมตร ซึ่งน่าจะหมายถึงบาราย ซึ่ง เป็นไปตามคติของขอม(เขมร) ที่ว่าเมื่อมีการสร้างปราสาทหินก็มีการ ขุดสระหรือ บารายกักน้ำไว้ในที่ใกล้เคียงนั้นด้วย

กู่สันตรัตน์มีอะไรบ้าง

           กู่สันตรัตน์  สร้างขึ้น ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพ.ศ. 1700 – 1750 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประดิษฐานรูปเคารพสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นโรคยาศาลหรือที่พักรักษาพยาบาลคนเจ็บป่วยในสมัยก่อน

             กู่สันตรัตน์สร้างด้วยศิลาแลง ลักษณะเป็นปราสาทแบบบายนขนาย่อม ปรางค์ประธานเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ตั้งอยู่บนฐานชั้นเดียว หันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยมีประตูทางเข้าอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนทางทิศเหนือทิศใต้และทิศตะวันตกเป็นประตูหลอก นอกจากนี้ยังมีบรรณาลัยซึ่งเป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนาตั้งอยู่ทางทิศตะวันนออกเฉียงใต้หันหน้าเข้าหาปรางค์ประธาน

             อาคารทั้ง 2 ล้อมด้วยกำแพงศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งสร้างยังไม่เสร็จอีกชั้นหนึ่ง รวมถึงประตูทางเข้าซึ่งมีแผ่นทับหลังอยู่เหนือประตูและมีเสาประดับที่กรอบประตูทั้งสองด้านทำด้วยหินทรายที่ไม่มีการสลักลวดลายใดๆ จึงสันนิษฐานได้ว่ากู่แห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จสิ้นดี

             ด้านหน้าปราสาททางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 12 เมตร สันนิษฐานว่าคือบาราย ซึ่งสร้างตามคติของขอม ที่เมื่อสร้างปราสาทหินก็มีการขุดสระหรือบารายกักน้ำไว้ในที่ใกล้เคียงนั้นด้วย

ด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นด้านหน้าปราสาทมีซุมประตูทางเข้าหรือโคปุระ ก่อด้วยศิลาแลง ส่วนประตูทางเข้านั้น ปรากฏให้เห็นว่ามีแผ่นทับหลังอยู่เหนือประตู กับมีเสาประดับที่กรอบประตูทั้งสองด้าน แผ่นทับหลังและเสาประดับกรอบประตูทำด้วยหินทรายแต่ไม่มีการสลักลายใดๆ ทั้งสิ้น จึงดูคล้ายกับว่าทำยังไม่เสร็จ องค์ปราสาทมีลักษณะรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีประตูทางเข้าอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนทางทิศเหนือทิศใต้และทิศตะวันตกเป็นประตูหลอก เมื่อพิจารณาเฉพาะองค์ปราสาทแล้วสันนิฐานได้ว่ากู่สันตรัตน์ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะทางด้านหน้าตอนบนนั้นมีช่องว่างเว้นไว้ เป็นช่องสามเหลี่ยม ซึ่งส่วนนี้เมื่อเสร็จสมบูรณ์ก็คือหน้าบัน ที่จะทำด้วยหินทรายซึ่งคงต้องสลักลวดลายประกอบด้วย สิ่งสำคัญต่อมาคือแผ่นทับหลัง ที่ตั้งอยู่เหนือกรอบประตูนั้นมีแผ่นหินทรายวางไว้ แต่ยังไม่มีการสักลวดลายใดๆ ทั้งสิ้น

โดยทั่วไปแผ่นทับหลังต้องมีการสลักลายหรือภาพประกอบไว้เสมอ แม้เสาประดับกรอบประตูทั้ง 2 ด้าน ก็มักสลักลายประดับเช่นกัน แต่เสาที่อยู่ติดกรอบประตูทางด้านซ้ายนั้นยังเป็นแท่งหินทรายเรียบๆ อยู่ไม่มีลวดลายใดๆ ทั้งสิ้นคงมีเฉพาะเสาประดับกรอบประตูทางด้านขวาของปราสาทเท่านั้น ที่ได้สลักลายไว้อย่างคร่าวๆ จากลักษณะดังกล่าวจึงเป็นหลักฐาน สันนิฐาน ได้ว่า ปราสาทองค์นี้ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ช่างได้สร้างไปตามแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะของขอม คือแม้องค์ปราสามจะก่อด้วยหินทรายหรือศิลาแลง แต่ส่วนสำคัญทั้ง 3 คือ หน้าบัน ทับหลัง และเสาประดับกรอบประตูต้อง ทำด้วยหินทรายเสมอ ทั้งนี้เพราะหินทรายมีคุณสมบัติเหมาะกับการแกะสลัก ในสถาปัตยกรรมหินทรายโดยเฉพาะ

กู่สันตรัตน์ ประกอบด้วย ปราสาทประธาน ก่อด้วยศิลาแลง แผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก่อมุขยื่นด้านหน้า ผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้ก่อเว้นเป็นช่องหน้าต่าง มุขมีหลังคารูปโค้งทรงประทุน ปราสาทประธานก่อเป็นผนังทึบทั้งสามด้านโดยทำเป็นประตูหลอก

บรรณาลัย ก่อด้วยศิลาแลง เป็นอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้านหน้าก่อเป็นมุขสั้นๆ ตั้งอยู่ทางมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน
โคปุระ หรือ ประตูซุ้ม ก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่กึ่งกลางของแนวกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออก มีลักษณะแผนผังเป็นมุขสามด้าน คือด้านทิศเหนือ ทิศตะวันตก และทิศใต้ ที่ด้าน ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกมีบันไดขึ้น-ลง หลังคาทรงโค้งประทุน
กำแพงแก้ว ก่อด้วยศิลาแลง สร้างต่อเนื่องจากประตูซุ้มทิศตะวันออกล้อมรอบปราสาทประธาน และบรรณาลัย ชั้นบนสุดของแนวกำแพงมีร่องรอยการสกัดสำหรับวางทับหลังกำแพง
สระน้ำ อยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือนอกกำแพงแก้ว มีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลึกประมาณ 2 เมตร ขอบสระกรุด้วยศิลาแลงซ้อนลดหลั่นลงไปจนถึงก้นสระ

ประสาทประธาน ตั้งอยู่บริเวณกลางลานภายใน ก่อด้วยศิลาแลง มีขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 8 เมตร แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อส่วน และมีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้าใช้เป็นช่องทางเข้าสู่ครรภคฤหะ ที่กึ่งกลางผนังของเรือนธาตุทั้งด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตกทำเป็นซุ้มประตูหลอก ที่ผนังมุขทั้งสองข้างเจาะเป็นช่องหน้าต่างขนาดเล็กเอาไว้ หลังคาของมุขก่อศิลาแลงแบบสันเหลื่อม เหนือเรือนธาตุก่อเป็นชั้นเชิงบาตรช้อนลดขึ้นไปหลายชั้น ปัจจุบันส่วนยอดอยู่ในสภาพทรุดโทรม 

 

กำแพงแก้ว ก่อด้วยศิลาแลงกว้างประมาณ 20 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร ลักษณะกำแพงมีฐานเขียงเตี้ยๆ รองรับ ด้านบนทำเป็นกระเปาะทรงพุ่มมีการเซาะร่องยาวตลาดแนวของกำแพง มีการพบประติมากรรมลักษณะคล้ายบันแถลงภายในมีรูปเคารพที่สันนิษฐานว่า ใช้ประดับบริวณสันหลังคาดังกล่าววางเสียบตามร่องอยู่ตลอดทั้งแนว

ซุ้มประตู (โคปุระ) ตั้งอยู่กลางกำแพงแก้วด้านหน้า ก่อด้วยศิลาแลง มีฐานเตี้ยแผนผังเป็นรูปกากบาท ภายในมีลักษณะเป็นห้องสามห้อง ห้องกลางเป็นทางเข้าออก จากการขุดแต่งทางโบราณคดีพบร่องรอยของแท่นประดิษฐานรูปเคารพ

บรรณาลัย ตั้งอยู่ด้านในของกำแพงแก้ว มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อด้วยศิลา ปัจจุบันอยู่ในสภาพพังทลายมากคงเหลือให้เห็นแนวผนังทางด้านทิศใต้ ส่วนบนผนังมีการเจาะเป็นช่องหน้าต่างขนาดเล็ก มีลูกมะหวดประดับอยู่ ภายในมีการออกแบบเป็นห้องแคบๆ ที่สันนิษฐานว่าใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพเทพชั้นรอง

 

ภายในห้องครรภคฤหะหรือห้องประกอบพิธี พบแท่นเคารพหินทรายทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทางด้านบนเจาะเป็นหลุมสี่เหลี่ยม 3 ช่อง ใช้สำหรับประดิษฐานรูปเคารพ ทางด้านหน้าของปราสาทประธานเป็นลานศิลาแลงก่อเป็นชาลาทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ขนาด 6.8 เมตร ต่อเชื่อมคล้ายทางเดินไปยังโคปุระมีการเจาะหลุมเสาที่มุมทั้ง 4 ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับการเจาะรอยสกัดบนหน้าบันของมุขปราสาทประธาน และพบเศษกระเบื้องมุงหลังคาจำนวนมากจากการขุดแต่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นอาคารที่เชื่อมต่อออกมาและมีโครงสร้างเป็นอาคารไม้มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง เพื่อใช้ประกอบพิธีก่อนจะเข้าไปยังปร ะสาทประธาน

สระน้ำ ตั้งอยู่ทางด้านนอกของกำแพงแก้ว บริเวณมุมทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กรุด้วยผนังศิลาแลงเรียงเหลื่อมกันคล้ายบันไดสอบลงสู่ก้นสระ สระนำประจำอโรคยาศาลนี้สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมในศาสนสถาน

กู่สันตรัตน์. (2566, มีนาคม 24). สืบค้นจากเว็บไซต์สำนักงานจังหวัดมหาสารคาม https://mahasarakham.go.th/new/travel/detail/9/data.html

กู่สันตรัตน์ (2567).  สืบค้นจากเว็บไซต์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม https://pao-mk.go.th/travel/detail/33/data.html 

วิโรจน์ ชีวาสุขถาวร. (2553).  กู่สันตรัตน์ อโรคยาศาลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารลุ่มน้ำโขง, 6(1), 108-124. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/mekongjournal/article/download/6826/5901

© 2021 All Rights Reserved.