วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์
ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย จังหวัดร้อยเอ็ด
ผาน้ำย้อย เป็นผาหินขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำไหลและซึมตลอดปีอยู่บนภูเขาเขียว แบ่งพรมแดนระหว่างอำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีเนื้อที่ประมาณ 20,000ไร่
ผาน้ำย้อย ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด มีเนื้อที่ประมาณ 20,000ไร่ โดยตั้งอยู่สูงจากระดับพื้นดิน 200 เมตร และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 380-500 เมตร มีลักษณะเป็นผาหินขนาดใหญ่ที่อยู่บนภูเขาเขียวและมีน้ำไหลและซึมตลอดปี โดยเป็นเหมือนเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างอำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ อีกทั้งยังมีลักษณะป่า เป็นป่าไม้เนื้อแข็งนานาชนิด และมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น หมูป่า เก้ง กวาง ไก่ป่า เป็นต้น บนเขาลูกนี้มีวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนารามตั้งตระหง่านอยู่ มีเนื้อที่ 2,500 ไร่
 
											วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม (ผาน้ำย้อย)ตั้งอยู่ที่ บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด (ห่างจาก อำเภอหนองพอก 13 กม. ถนนสายหนองพอก-เลิงนกทา) 
ผาน้ำย้อย เพราะภูเขาลูกนี้มีสภาพเป็นหน้าผาสูงชัน มีน้ำตกไหลหยดย้อยตลอดเวลาทั้งปีคล้ายกับน้ำตกจากชายคา เมื่อชาวบ้านเจ็บป่วยก็จะได้น้ำ ณ จุดนี้ไปดื่มกิน เพื่อรักษาโรคตามความเชื่อจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ได้ชื่อโดยสมบูรณ์ว่า วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม คำว่า น้ำย้อย เป็นภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า หยาดน้ำ หยดน้ำ หรือการไหลของน้ำนั่นเอง  ซึ่งในอดีตบริเวณที่ก่อสร้าง วัดผาน้ำย้อย หรือ วัดผาน้ำทิพย์ แห่งนี้ คนเก่าคนแก่ของที่นี่บอกว่า แต่ก่อนที่นี่เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก  มีสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมายอาศัยอยู่ และยังมีหน้าผาที่สูงชัน แถมยังมีน้ำตกไหลย้อยลงมาตลอดทั้งปีอีกด้วย
วัดเจดีย์ชัยมงคล ได้รับประกาศตั้งวัดตามกฏทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2507) ออกตามความในพระราชบัญญัติ พ.ศ.2505 และด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2548 เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฏหมาย มีชื่อปรากฏตามทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รหัสวัด 04450908004 สังกัดนิกายธรรมยุต ประเภทวัดราษฏร์
– วัดเจดีย์ชัยมงคล ได้รับประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549 กว้าง 110 เมตร ยาว 110 เมตร ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 123 ตอนที่ 44 วันที่ 27 เมษายน 2549
 
											ครั้นต่อมา สภาพป่าถูกทำลายเนื่องจากประชาชนได้ลักลอบ ตัดไม้บางกลุ่มก็เข้าไปทำไม้แปรรูปขาย บางกลุ่มก็เข้าไปทำลายเพื่อเข้าไปอาศัยอยู่ปฏิบัติเพื่ออุดมการณ์ จึงเป็นสาเหตุให้ทางราชการได้พยายาม หาวิธีปราบปรามด้วยวิธีต่างๆ ต่อมาได้พิจารณาเห็นความสำคัญของพุทธศาสนาว่า พระพุทธศาสนาเป็นที่รวมจิตใจของประชาชนได้ เพราะพระพุทธศาสนาได้สอนให้คนเป็นคนดี มีความรักหมู่รักคณะ เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอัน จะนำความสงบมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ บ้านเมืองได้
 
											 
											ประวัติ (วัดถ้ำผาน้ำทิพย์ (ผาน้ำย้อย)
เมื่อปี พ.ศ.2493 – 2495 ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้ธุดงค์มาเจริญสมถะธรรมเพื่อแสวงความสงบ ครั้นต่อมาเมื่อ พ.ศ.2493 – 2500 ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้พาภิกษุซึ่งเป็นศิษย์มาปฏิบัติธรรม ซึ่งสถานที่แห่งนี้ แต่ก่อนเป็นป่าดงดิบ สภาพป่าสวยงามตามธรรมชาติ มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ สาเหตุที่ได้ชื่อว่าน้ำย้อย เพราะภูเขาลูกนี้มีสภาพเป็นหน้าผาชัน มีน้ำตกหยดย้อยตลอดปี คล้ายน้ำตกลงจากชายคา เมื่อชาวบ้านเจ็บป่วยก็จะใช้น้ำ ณ จุดนี้ รักษาจึงเป็นเหตุหนึ่งที่ได้ชื่อโดยสมบูรณ์ว่า วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม ครั้นต่อมาสภาพป่าถูกทำลายลง เนื่องจากประชาชนขึ้นไปลักลอบตัดต้นไม้ บางกลุ่มก็เข้าไปทำแปรรูปขาย และบางกลุ่มก็เข้าไปทำลายป่า เพื่อใช้พื้นที่ปลูกพืชไร่ เดิมพื้นที่แห่งนี้มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เข้าอาศัยอยู่ปฏิบัติเพื่ออุดมการณ์ เป็นเหตุให้ทางราชการได้พยายาม มหาวิธีการปราบปรามด้วยวิธีต่าง ๆ
ต่อมาทางราชการได้พิจารณาเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาว่าพระพุทธศาสนาเป็นที่รวมจิต-รวมใจของประชาชนได้ เพราะพระพุทธศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีมีคุณธรรมรักหมู่ รักคณะ เสียสละต่อประโยชน์ส่วนรวม อันจะนำความสงบมั่นคงให้แก่ประเทศชาติบ้านเมืองได้
ดังนั้นในปี พ.ศ.2517 น.อ.ประสิทธิ์ ทองใบใหญ่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสมัยนั้น จึงได้ไปกราบนิมนต์ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อขอให้ท่านพิจารณาตั้งวัดเป็นการถาวรขึ้น เพื่อจะได้ใช้สถานที่ปฏิบัติ และอบรมสั่งสอนศีลธรรมให้กับประชาชน ตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งตามแนวปฏิปทาของท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร นั้นท่านได้ปฏิบัติเคร่งในธุดงควัตร และปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อันเป็นผลทำให้ความตึงเครียดทางด้านการเมืองการก่อการร้ายลดน้อยลง และได้หมดไปในที่สุด ดังที่ได้เห็นในปีนั้นเองท่านได้ส่งพระมาจำพรรษา 5 รูป ซึ่งได้มีหลวงปู่บุญศรี ญาณธมฺโม รวมอยู่ด้วยเนื้อที่ของวัดขณะนั้นมีประมาณ 5 หมื่นไร่ ได้ปลูกต้นไม้ขึ้นเสริมอีกบนยอดเขา 3 แสนต้น
เสนาสนะและสิ่งสำคัญ
เริ่มพัฒนาปี พ.ศ.2517 – 2527
1. สร้างเหมืองฝายเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง (อ่างเก็บน้ำคำเตย)
2. สร้างศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร
3. สร้างศาลาหอฉัน 2 ชั้น กว้าง 25 เมตร ยาว 40 เมตร จุพระเณรได้ 1,000 รุป
4. สร้างสำนักงานเลขา 2 ชั้น คอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 15 เมตร ยาว 20 เมตร
5. สร้างตำหนักสมเด็จพระสังฆราช กว้าง 20 เมตร ยาว 20 เมตร
6. สร้างตึกรับรองพระเถระคอนกรีต 2 ชั้น กว้าง 8 เมตร ยาว 25 เมตร 2 หลัง
7. สร้างโรงครัว กว้าง 14 เมตร ยาว 25 เมตร 1 หลัง
ฯ ล ฯ
สถานที่สำคัญ มีดังนี้คือ
1.ผาน้ำย้อย ซึ่งมีน้ำไหลหยดย้อยตลอดปี
2.พระประธานทีศาลาใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 101 นิ้ว
3.ถ้ำผาน้ำย้อย
4.น้ำตก เช่น คำช้างจก คำจ๊อก คำยู้ส้าว
5.หน้าผาบนผาน้ำย้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล
โดยที่วัดถ้ำผาน้ำทิพย์ เป็นวนารามที่ร่มรื่น ตั้งอยู่กลางไหล่ผาโขดหินเรียงรายแวดล้อมด้วยหมู่ไม้ ไพรพฤษ์นานาพันธุ์ ทั้งอุแอ่งน้ำ ก็จัดสรรไว้ให้โดยธรรมชาติคือน้ำซับซึมไหลตลอดปี ทั้งที่กั้นเป็นบึก – ฝาย ,แอ่ง เก็บน้ำวังเย็นชุ่มฉ่ำตามหลักเทคนิคสมัยใหม่ ก็มากแห่งไม้ทั้งไม้ดอกไม้ผลไม้ฝักจึงปลูก-เจริญงอกงามให้เขียวขจีได้โดยง่าย ภายในบริเวณวัดจึงดูเงียบสงบ แต่อบอวนไปด้วยลมเย็นพัดโชยชุ่มชื้นมิขาดสายเสียงหรีดหริ่งเรไร ตลอดจนเสียงวิหกกล่อมไพร จะมีให้ได้ยินอยู่ทุกทิวาราตรีกาล ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล หลวงปู่ศรี มหาวีโร ให้ความสำคัญแก่วัดถ้ำน้ำทิพย์ไม่น้อยไปกว่าวัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) สำนักใหญ่ที่อำเภอศรีสมเด็จเลย จึงได้จัดให้มีการสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคลขึ้นไว้เป็นปูชนียสถานอันถาวร และพร้อมกันนั้น ก็ได้เมตตาพิจารณามอบหมายให้พระอาจารย์ทองอินทร์ กตปุญโญ ที่ไว้ใจหลวงปู่ ที่สุดมาดูแลแทนท่าน
ในระหว่างที่มีการก่อสร้างองค์พระมหาเจดีย์นี้ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้มอบหมายรับผิดชอบไว้กับท่านพระอาจารย์ทองอินทร์ หรือทั้งรู้จักกันโดยทั่วไปว่าหลวงพ่อทองอินทร์ กตปุญโญ แห่งวัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด พระคุณเจ้าผู้เป็นสายสุปฏิบัติ ที่มีสมาธิธรรม บารมีธรรมสูงท่านหนึ่ง ให้มาเป็นพลังรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่ฯ ซึ่งขณะเดียวกันก็ได้รับตำแหน่งอำนวยการ จัดการตลอดควบคุมงานการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ อย่างใกล้ชิด อันที่จริงแล้ว คงมิเป็นการกล่าวเกินจริง ถ้าจะพูดว่าพระอาจารย์ทองอินทร์ กตปุญโญ มีสมรรถภาพสูงยิ่งในการใช้บารมี ควบคุมงาน ใช้ปัญญาบารมีดูแลความละเอียดอ่อนสิ่งสวยงามขององค์พระเจดีย์ และใช้เมตตาบารมีมิขาดสาย หากขาดพลังบุญญาบารมีของท่าน ส่วนใดส่วนหนึ่งไปการก่อสร้างพระมหาเจดีย์คงจะเสร็จช้าไปกว่าที่กำหนดไว้ อย่างแน่นอน
ในเวลาต่อมาหลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้มีคำสั่งพระอาจารย์ทองอินทร์ กตปุญโญ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาทิพย์(ผาน้ำย้อย) และหลวงปู่ศรีฯ ,คณะสงฆ์ มีมติให้สร้างวัดขึ้นใหม่อีกวัดหนึ่งขึ้น บนเขาเขียวบริเวณก่อสร้าง พระมหาเจดีย์ชัยมงคล เพื่อดูความสะดวกในจัดการดูแล ผืนป่า ,เสนาสนะ และองค์พระมหาเจดีย์ จึงได้ขออนุญาตตั้งวัด คือวัดเจดีย์ชัยมงคล” โดยมีพระอาจารย์ทองอินทร์ กตปุญ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วรารามตำบลผาน้ำย้อยอำเภอหนองพอกจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะ เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสม กันระหว่างพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วยสีทอง เหลือง อร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำ เป็น 109 เมตร ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหา เจดีย์เหมือนอยู่บน วิมานแดนสวรรค์ พระเจดีย์นี้สร้างมานานกว่า 18 ปี จนปัจจุบันนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีกธาตุและพระสาวก
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลาย ไทยวิจิตรพิสดาร
ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสมถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรีเคยบำเพ็ญธรรมมา
ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
 
											 
											 
											ผาน้ำย้อย (พุทธอุทยานอีสาน). (2567). สืบค้นจากเว็บไซต์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) https://thai.tourismthailand.org
ประวัติ(ย่อ)วัดถ้ำผาน้ำทิพย์(ผาน้ำย้อย). (2560). สืบค้นจากเว็บเพจ วัดประชาคมวนาราม-ป่ากุง Wat Prachakom Wanaram-Pahkoong https://www.facebook.com/pahkoong
วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม (ผาน้ำย้อย). (2568). สืบค้นจากเว็บไซต์ องค์การบริหารส่วนตำบลนาโพธิ์ https://napho.go.th/index.php?op=dynamiccontent_detail&dynamiccontent_id=2563&id=3205
วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม (พระมหาเจดีย์ชัยมงคล). (2568). สืบค้นจากเว็บไซต์ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด https://ret.onab.go.th/th/content/category/detail/id/110/iid/13324


