ศรีสะเกษปรางค์กู่นาคา

หลวงพ่อโตคู่บ้าน ถิ่นฐานปราสาทขอม ข้าว หอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี

ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ลักษณะภูมิประเทศทางตอนใต้เป็นที่สูง และค่อย ๆ ลาดต่ำไปทางเหนือลงสู่ลุ่มแม่น้ำมูลซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัด ปัจจุบันมีเนื้อที่ 8,840 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยอำเภอ 22 อำเภอมีประชากรราว 1.47 ล้านคน ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย ซึ่งพูดภาษาถิ่นต่าง ๆ กัน อาทิ ภาษาลาว (สำเนียงลาวใต้ซึ่งใช้ครอบคลุมทั้งฝั่งอุบลราชธานีและจำปาศักดิ์), ภาษากูย, ภาษาเยอ และภาษาเขมรถิ่นไทย ส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนและนับถือผีมาแต่เดิม

ศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่มีความเป็นมาเก่าแก่เมืองหนึ่ง มีตำนานบอกเล่าถึงที่มาของชื่อจังหวัดหลายสำนวนด้วยกัน ศรีสะเกษมีชื่อเดิมที่ไพเราะว่า “ศรีนครลำดวน” มีดอกลำดวนเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ในสมัยอยุธยาใช้ชื่อว่า เมืองขุขันธ์และเปลี่ยนมาเป็นจังหวัดศรีสะเกษเมื่อ พ.ศ.2481 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8

 

จังหวัดศรีสะเกษาอยู่ห่างจากรุงเทพมหานคร 571 กิโลเมตร โดยทางรถยนต์ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของประเทศ คือ ประมาณ 8,839,974 ตารางกิโลเมตร มีเขตติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ที่อำเภอกันทรลักษณ์ อำเภอขุนหาญ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย มีภูเขาดงรักหรือดงเร็กเป็นพรมแดน ทางทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดสุรินทร์

การเดินทางในสมัยก่อนมีเฉพาะทางรถไฟเท่านั้น แต่ในปัจจุบันสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้สะดวก จากกรุงเทพฯ มาตามทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน และ 2 ถนนมิตรภาพ ผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมาแล้วแยกเข้าทางหลวงสาย 2162 ผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ถึงจังหวัดศรีสะเกษ หรืออาจจะเดินทางโดยรถไฟ สายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานีก็ได้ หากจะเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองไปลงที่สนามบินจังหวัดสุรินทร์ หรืออุบลราชธานี แล้วนั่งรถต่อไปถึงจังหวัดศรีสะเกษ

เมืองศรีสะเกษในฐานะเป็นหัวเมืองของไทยมีบันทึกไว้ในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน ว่าตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ใน พ.ศ.2302 เดิมชื่อ บ้านเหลี่ยมดงลำดวน มีพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน เป็นเจ้าเมือง เรียกชื่อใหม่ว่า “เมืองขุขันธ์” ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ เกี่ยวข้องกับเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองในช่วงที่มีการอพยพของพวกเจ้าลาวเวียงจันทน์ ครอบครัวของพระยาวอพระตา ซึ่งอพยพมาตั้งเมืองอุบลราชธานี และเมืองอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงในสมัยกรุงธนบุรี หลังจากนั้นชื่อเมืองขุขันธ์ก็ยังคงปรากฏในประวัติศาสตร์ตลอดมา จนกระทั่งถึง พ.ศ.2481 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 จึงได้โปรดเกล้าฯ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 33 ภาค 1) ให้เปลี่ยนชื่อจังหวัดขุขันธ์มาเป็นจังหวัดศรีสะเกษ

แดนปราสาทขอมเพราะจังหวัดศรีสะเกษมีปราสาทอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้รับสมญาว่า “นครแห่งปรางค์กู่ร้อย” เช่น ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ปราสาทสระกำแพงน้อง ปราสาทบ้านเมืองจันทร์ ปราสาทภูฝ้าย กู่บ้านหนองคู ปราสาทเบง ปราสาทตำหนักไทร เป็นต้น รวมทั้งปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทบนภูเขาอันงดงามที่เคยเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาก็เคยอยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษนี้เอง เครื่องหมายประจำจังหวัดศรีสะเกษเป็นรูปปราสาทหิน ซึ่งหมายถึงปราสาทวัดสระกำแพงอันเป็นโบราณสถานเก่าแก่ของจังหวัด

แดนปราสาทขอมเพราะจังหวัดศรีสะเกษมีปราสาทอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้รับสมญาว่า “นครแห่งปรางค์กู่ร้อย” เช่น ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ปราสาทสระกำแพงน้อง ปราสาทบ้านเมืองจันทร์ ปราสาทภูฝ้าย กู่บ้านหนองคู ปราสาทเบง ปราสาทตำหนักไทร เป็นต้น รวมทั้งปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทบนภูเขาอันงดงามที่เคยเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาก็เคยอยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษนี้เอง เครื่องหมายประจำจังหวัดศรีสะเกษเป็นรูปปราสาทหิน ซึ่งหมายถึงปราสาทวัดสระกำแพงอันเป็นโบราณสถานเก่าแก่ของจังหวัด